1. ความสมดุล (Balance & Intergration): รสชาติของไวน์รวมกันเป็นเนื้อเดียว ไม่มีรสชาติไหนโดดเด่นออกมารุนแรงจนเกินไป ซึ่งทำให้บ่อยครั้งเวลาดื่มไวน์ขั้นเทพนั้น ผู้ดื่มจะพูดไม่ออก และไม่รู้ว่าจะอธิบายไวน์ว่าอะไรดี รสชาติเป็นหนึ่งเดียวจนอึ้งตะลึงไปเลยครับ 2. ความแตกต่าง (Distinctiveness): ไวน์มีรสที่เป็นเอกลักษณ์จนบ่งบอกถึงวิธีการผลิต terroir หรือวินเทจอันเฉพาะเจาะจง จนทำให้รู้สึกว่าไวน์ขวดนี้ ไม่ได้มาจากที่ไหน หรือวินเทจอะไรก็ได้ แต่มีเพียงขวดเดียวในโลกเท่านั้น และยากที่จะหาได้อีก 3. ความซับซ้อน (Complexity beyond fruit): ไวน์มีหลากหลายมิติ น่าค้นหา มีหลากหลายโน้ต ซึ่งค่อยๆ เผยโฉมอย่างช้าๆ มากกว่าแค่โน้ตพื้นฐานของเบอร์รี่ พลัม ครับ 4. ความ คม (Precision): แม้จะเป็นรสชาติที่รวมกัน แต่โน้ตต่างๆ ในไวน์ต้องมีความชัดเจน ไม่ผสมกันจนมั่วไปหมด เปรี่ยบได้กับเครื่องเสียงราคาแพง ที่มีเสียงเพลงไพเราะคมกริบไม่มีเสียงรบกวน 5.
- Cabernet Sauvignon 5 ข้อที่ทำให้ Cab เป็นไวน์อันดับ 1 -
- วิธี ยกเลิกเบอร์เดิม เปลี่ยนเบอร์ใหม่ ที่ผูกบัญชี k-plus | กสิกรไทย | เบอร์ โทรศัพท์ กสิกร ไทย | คอลเลกชันที่ดีที่สุดของเรื่องราว - Future User
Cabernet Sauvignon 5 ข้อที่ทำให้ Cab เป็นไวน์อันดับ 1 -
1946 Chateau d'Yquem Sauternes, France ($5, 651) ไวน์หวานนี้คือการผสมผสานของ Sauvignon Blanc และ Semillon มีกลิ่นของคาราเมล น้ำผึ้ง และแยมผิวส้ม 5. 1982 Chateau Lafleur Pomerol, France ($5, 543) ไวน์บอร์โดซ์นี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง Cabernet Franc และ Merlot ประกอบด้วยเชอร์รี่สีแดง เครื่องเทศ และกลิ่นโกโก้ แทนนินเนื้อเนียน และกลิ่นที่ติดทน 6. 1982 Chateau Lafite Rothschild Pauillac, France ($4, 252) ไวน์บอร์โดซ์คลาส Premier Grand Cru ที่น่าทึ่งจากชื่อ Pauillac การผสมผสานองุ่นของ Cabernet มีกลิ่นของผลไม้สีดำและลูกเกดดำที่มีแทนนินแน่น 7. 1989 Chateau Haut Brion Blanc Pessac-Leognan, France ($2, 715) ไวน์ขาว Cru Classe เป็นการผสมผสานระหว่าง Sauvignon Blanc และ Semillon ไวน์มีผิวมะนาวสดและสัมผัสได้ถึงความเป็นแร่ที่แตกต่างกัน 8. 2015 Chateau Margaux, Margaux, France ($2, 000) ไวน์ Medoc นี้มีกลิ่นผลไม้สีเข้มและเอสเพรสโซ โรงกลั่นเหล้าองุ่นนี้ยังผลิตไวน์อีกชนิดคือ Pavillon Rouge de Château Margaux 9. 2005 Chateau Ausone St Emilion Grand Cru, France ($1, 684) กลิ่นหอม Cabernet Franc และ Merlot กับกลิ่นหอมเย้ายวนของผลไม้สีแดงและยาสูบ รสชาติของไวน์ มีแทนนินพอประมาณและเคลือบด้วยดาร์กช็อกโกแลต โรงกลั่นเหล้าองุ่นยังผลิตไวน์ Chapelle d'Ausone อีกด้วย 10.
รสชาติของ Cab มีลักษณะเป็นหยิน-หยาง เชื่อหรือไม่?!
Cab + Steak = สุดยอดไวน์แพร์ริ่ง คงไม่มีแพร์ริ่งไหนที่ดูคลาสสิก และเหมาะเจาะกันได้มากเท่า Cabernet Sauvignon เข้มๆ หนักๆ ซักแก้ว มาตัดเลี่ยน ตัดมันให้กับเนื้อสเต็กชิ้นหนาๆ ซักจาน จึงไม่แปลกหากสเต็กเฮาท์ หรือร้านอาหารหรูจะต้องมี Cab ซักขวด แต่ทำไมต้องเป็น Cab และไม่ใช่ไวน์แดงตัวอื่นๆ ที่ก็รสชาติเข้มข้นไม่แพ้กัน? อาจจะเป็นเพราะรสชาติที่มีความเป็นหยิน-หยาง ของ Cab ที่ทำให้เข้ากับเนื้อได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่เนื้อส่วนมัน มีกลิ่นสาบเยอะๆ ไปจนถึงเนื้อลีนที่ไม่ค่อยมีกลิ่นมากนัก จึงเป็นทางเลือกที่เซฟที่สุด สำหรับจับคู่กับสเต็ก หรือเนื้อแดงอื่นๆ ครับ 5. Cab ทำกำไรได้ดี อันนี้ก็เป็นอีกประเด็นสำคัญที่ทำให้มีผู้ผลิตหลายรายหันมาปลุก Cabernet Sauvignon มากขึ้นครับ เพราะเป็นองุ่นที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงเลยครับ โดยต่อปี Cab ชั้นเยี่ยม จากบอร์โดซ์อย่างวินยาร์ดของ Chateau Latour สามารถให้ผลผลิตต่อปีประมาณ 3. 5 ตันต่อ 1 เอเคอร์ (~2. 5 ไร่) หากเทียบกับ Pinot Noir ชั้นเยี่ยมจากเบอร์กันดีที่ให้ผลผลิตประมาณ 1 ตันต่อปีแล้วเรียกว่าแตกต่างกันสุดๆ เลยครับ แถมองุ่นก็ยังทนทานต่อสภาพอากาศและศัตรูพืช จึงรักษามาตรฐาน และราคาไวน์แต่ละวินเทจได้ง่ายกว่าองุ่นพันธุ์อื่นๆ ครับ นอกจากนั้น Cab ยังสามารถเอจจิ้งได้ยาวนาน ยิ่งเวลาผ่านไปมูลค่าของไวน์ก็ยิ่งเยอะขึ้น เปิดโอกาสให้ไวน์ยิ่งสามารถทำกำไรได้ขึ้นไปอีกครับ Facebook icon Facebook
วิธี ยกเลิกเบอร์เดิม เปลี่ยนเบอร์ใหม่ ที่ผูกบัญชี k-plus | กสิกรไทย | เบอร์ โทรศัพท์ กสิกร ไทย | คอลเลกชันที่ดีที่สุดของเรื่องราว - Future User
- Chateau latour ราคา มือสอง
- Cabernet Sauvignon 5 ข้อที่ทำให้ Cab เป็นไวน์อันดับ 1 -
- อ พ ป ร
- 10 ไวน์บอร์โดซ์ที่ดีที่สุด ความโดดเด่น,รสชาติ,ราคา (2021) - Dutypm
แต่ก็เป็นบ้านของหนึ่งในวินยาร์ดที่เลื่องชื่อที่สุดในโลกอย่าง Chateau Cheval Blanc และ Chateau Ausone เป็นต้น Pomerol เจ้าของไวน์นอกโผที่คุณภาพเยี่ยมเกินคาด! ในบรรดาพื้นที่ย่อยทั้งหมดในบอร์โดซ์ มีเขตเล็กๆ ทางฝั่งขวาของแม่น้ำการอนที่น่าสนใจมากๆ ชื่อ Pomerol เป็นพื้นที่ที่ไม่มีการแบ่งเกรดไวน์แต่อย่างใด แต่เป็นบ้านของชาโตชื่อดัง Pétrus ที่ปลูกองุ่นในวินยาร์ดแปลงเล็กๆ ในดินเหนียวชนิดพิเศษที่แทบจะมีแค่ที่ Pomerol ที่เดียว ได้ไวน์เข้มข้น แสน exotic ที่ขึ้นแท่น cult-wine แม้ชาโตจะไม่กำหนดเกรดแต่คุณภาพไวน์เทียบเท่า first growth แถมหากวินเทจดีๆ ราคาสามารถพุ่งสูงแซง Château Lafite หรือ Latour ได้สบายๆ เลยครับ! เรียกได้ว่านี่แค่น้ำจิ้มเท่านั้นนะครับ เพราะเรื่องการแบ่งเกรดไวน์ในบอร์โดซ์ยังมีอีกเยอะแยะ เพราะ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าวินยาร์ดที่ดีเมื่อ 100 กว่าปี ตอนนี้ยังดีเหมือนในอดีตหรือไม่? เพราะการแบ่งเกรดปี 1855 ไม่เคยมีการอัปเดทเลย (ยกเว้นกับ Château Mouton แห่งเดียวนะครับ) รวมถึงหากใช้หลักการเดิมตัดสินไวน์หลายๆ ตัวใน 4th หรือ 5th Growth จะมีวินยาร์ดไหนบ้างที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็น 2nd หรือแม้แต่ 1st Growth บ้าง ติดตามอ่านต่อได้ในบทความหน้านะครับผม!
คำตอบคือไม่ใช่ครับ!
การแบ่งเกรดไวน์บอร์โดซ์สุดสะเทือนโลกในปี 1855 (The 1855 Classification) ซึ่งแม้เหตุการณ์จะผ่านมาเกิน 160 ปี แต่การเกรดไวน์รูปแบบนี้ ก็ยังถูกพูดถึงเรื่อยๆ ในหมู่เซียนไวน์ แถมยังเป็นข้อถกเถียงดุเดือดมาจนถึงปัจจุบัน และทำให้ทั้งโลกมองไวน์ในมุมใหม่ไปเลย วันนี้ไวน์แมนจึงขอมาเจาะลึกเรื่องนี้กันอย่างละเอียดเลยครับ! Bordeaux 1855 Classification คืออะไร?